วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เหมือนตายแล้วฟื้น


เรื่องระทึกในวันเยาว์ในช่วงที่เป็นเด็กนั้น เป็นช่วงฤดูฝนตกหนักและทำให้แม่น้ำในบึงโขงหลง มีน้ำขึ้นเต็ม เด็กก็พากันนำเรือพาย ออกมาพายเล่นในบึงโขงหลง ไม่รู้ว่าพ่ายเล่นกันอย่างไร ไม่นานก็ทำให้เรือล่ม ต่างคนก็ต่างลอยคอในแม่น้ำ อาจารย์เล่าว่าตอนนั้นท่านก็ยืนมองดู ว่าทำไหมไม่ได้ยินเสียงเด็ก ร้องเพลงเลย ท่านก็หันมองไปในกลางแม่น้ำ ก็พบว่าเรือได้ล่ม นั้นเอง ท่านก็ได้นำเรื่อที่จอดอยู่ริมฝั่งออกไปช่วยเหลือ จนคนทั้งหมดรอดชีวิตมาได้ เดียวนี้คนที่ท่านช่วยนั้นได้เป็นผู้ใหญ่บ้านแล้ว เหมือนบุญกรรมมีผล ในสมัยที่ท่านบวชเป็นสามเณรใหม่ๆก็ มีเรื่องระทึกเช่นเดียวกัน คือเมื่อท่านบวชได้สองปี ก็ได้มาจำพรรษาที่วัดกลาง จังหวัดบุรีรัมย์ ด้วยความที่ท่านเป็นคนบ้านนอก เลยไม่รู้ว่าสายไฟฟ้ามีคุณมีโทษอย่างไร เมื่อตอนบ่ายได้ลงมาสงน้ำ(อาบน้ำ) ก่อนจะไปเรียนหนังสือ ก็ได้ใช้มือเก็บสายฟ้า ที่ฟาดลงมาจากข้างบนกุฏิ ไม่รู้ว่าไฟฟ้าได้ช๊อต แต่มารู้สึกตัวในตอนประมาณ เวลา ๔ ทุ่ม ของวันนั้น คือได้ตายไปประมาณ สิบกว่าชั่วโมง ท่านเล่าว่า มันมืดสนิทไปเลย เหมือนกับเรานอนหลับสนิทนี้เอง ไม่รู้ว่ามีร่างกาย หรือว่ามีโลกมนุษย์อยู่เลย เงี่ยบสนิทอย่างนั้น แต่เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมา ก็ได้สังเกตุว่า ที่นอนเราไม่สวยงามอย่างนี้ นี้มันเป็นที่ไหน สักพักเมื่อสติกลับมาเต็มที่ก็ได้หันไปมองด้านข้าง ก็มีแสงไฟสว่างมาก ด้านข้างก็เป็นห้องที่ขาว ตามจมูกมีสายยางช่วยหายใจ สอดเข้าในจมูก แขน หรือขาก็โดนฝูกไว้กับเตียงพยาบาล โดยมีสายน้ำเกลือให้อยู่ตลอดเวลา เพราะหมอบอกว่า ไม่ให้เลือดในร่างกายแข็งตัว เมื่อรู้ว่าตัวเองได้มานอนอยู่ใน โรงพระยาบาลอย่างนั้น ก็พยายามนึกว่านี้ เรามาอยู่ในที่นี้ได้อย่างไร ก็พอดีว่าร่างกายนี้หิวน้ำมากๆที่เดียว เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาใหม่ๆ ก็ได้ขอน้ำจากพยาบาล มาฉันได้เพียงแค่จิ่บน้ำเท่านั้น หมอบอกว่า กินน้ำมากยังไม่ได้ เพราะกำลังให้น้ำเกลือ จะทำให้น้ำท่วมปอดได้ ท่านอาจารย์เล่าต่อว่า เมื่อรู้ว่าตัวเองได้มาอยู่ที่โรงพระยาบาลได้อย่างไร ก็พยายามถามพยาบาลที่มาให้น้ำเกลือว่า มีสามล้อนำสามเณรมาส่งที่โรงพระยาบาล ทีแรกๆทางหมอบอกว่า ดูอาการน่าจะไม่รอด แต่เห็นกับว่าเป็นเณรก็เลยลองปั้มหัวใจดู แต่ด้วยบุญเก่ายังมีอยู่บ้าง ก็เลยรอดชีวิตมาได้ แต่เมื่อตอนเช้ามาก็มีอาจารย์มาเยี่ยม ท่านเล่าให้ฟังว่า เมื่อตอนเห็นเณรถูกไฟซ๊อต ท่านไปเรียกรถสามล้อคันไหนก็ไม่ไปส่ง โดยเขาเห็นอาการแล้วเขากลัวว่าเณรจะมาตายใส่รถของเขา

แต่เพราะความดีที่เณรได้ทำไว้ ก็มีสามล้อคันหนึ่งมาพอดีให้ตอนบ่ายๆ สามล้อคันนี้ทุกวันแก่จะมานอนใต้ร่มไทร ภายในวัดเป็นประจำ ด้วยความที่แกมองเห็นว่าเณรรูปนี้เคยให้อาหาร หลายเขาก็จำได้ ก็เลยอาสาพาเณรมาส่งที่โรงพระยาบาลนี้แหละเณร อาจารย์กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้ให้เพื่อนของเณรไปตามญาติมารับศพที่โรงพระยาบาลแล้ว นึกว่าเณรจะกลายเป็นศพเสียแล้ว เป็นบุณแล้วหละเณร ต่อไปสร้างแต่ความดีตอบแทน โยมสามล้อคนที่นำเณรมาส่งโรงพระยาบาล ท่านพระอาจารย์กล่าวต่อว่า ความดีที่ทำไปแล้วไม่ช้าก็เร็วย่อมได้รับผลแน่ ท่านพระอาจารย์เล่าให้ฟ้งอีกว่า ก็นับว่าเป็นบุญแท้ๆที่รอดชีวิตมาได้ ก็ย้อนรำลึกถึงสมัยเป็นเด็กได้ช่วยเหลือคนให้รอดตาย เมื่อสมัยเรือล่ม นั้นเอง ช่วยชีวิตผู้อื่น ตนก็ย่อมรอดพ้นจากภัยพิบัติที่หนัก ๆได้ ตั้งแต่นั้นมาท่านกล่าว ถ้าเดินฝ่านไปตามทุ่งนาที่มีน้ำลดจนปลาไกล้จะตาย ท่านก็ช่วยเหลือปลาพวกนั้นให้รอดตายทุกครั้ง ด้วยคิดว่าให้ชีวิตแก่ผู้อื่น ตนก็จะมีชีวิตยืนยาว ขอฝากท่านสาธุชนทั้งหลาย ช่วยพิจารณาดูก็แล้วกันทำดีมีผล ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงต้วเช่นกัน

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วิทยุออนไลน์

ยินดีต้อนรับทุกๆท่านที่ชอบฟังธรรมะ

 สวดมนต์จีน >::สวดมนต์อินเดีย >และสวดมนต์ธิเบต>::สวดมนต์ไทย >::เสียงหนังสือธรรมะ >::เสียงเพลงธรรมะ::,

 ::suwanradio คือมิตรภาพบนโลกไอที ::
 

สถานีความแห่งความรู้สาระธรรมบนโลกอินเตอร์เน็ต ศูนย์รวมแห่งเสียงธรรมะดีดี 


วิทยุวัดป่าดอนสวรรค์

Blogger Tricks


 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons